ระบบ
E-Export |
|
กรมศุลกากรได้นำระบบอิเล็กทรอนิกส์แบบไร้สายมาใฃ้ในการผ่านพิธีการศุลกากร
เป็นการปรับปรุงระบบให้บริการบนพื้นฐานของเทคโนโลยีและการสื่อสาร
โดยมีจุดมุ่งหมายในการอำนวยความสะดวกในการค้าระหว่างประเทศ
อันเป็นการพัฒนาความสามารถในการแข่งขันบนเวทีการค้าโลก
ผู้ที่ประสงค์จะดำเนินการผ่านพิธีการศุลกากร
ทางอิเล็กทรอนิกส์จะต้องทำการลงทะเบียนกับกรมศุลกากร
เพื่อบันทึกข้อมูลไว้ในฐานข้อมูลระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากร
โดยมีขั้นตอนต่างๆดังต่อไปนี้ |
1.
ขั้นตอนการเตรียมตัวก่อนผ่านพิธีการ |
สำหรับผู้ส่งออกที่ไม่มีตัวแทนในการส่งสินค้า
ผู้ส่งสินค้าสามารถดำเนินการด้วยตนเองได้โดยปฎิบัติ
ดังนี้
1. ผู้ส่งออกสินค้าต้องติดต่อจองวางสินค้ากับสายการบินให้เรียบร้อย
ขึ้นอยู่กับผู้ส่งออกสินค้าว่าจะใช้สายการบินใด
2. ลงทะเบียนการใช้ระบบ e- Customs
ที่กรมศุลกากร (คลองเตย) หรือที่ฝ่ายบริหารงานทั่วไป
ชั้น 2 อาคารสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(BC-1)
หลักฐานที่ใช้ในการลงทะเบียน
กรณีนิติบุคคลหรือบุคลที่เข้าระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม
1. สำเนาภาพถ่ายหนังสือรับรองการเป็นหุ้นส่วนของบริษัท
ซึ่งออกให้ไม่เกิน 6 เดือน
2. สำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรหรือ
ภ.พ.20 หรือ ภ.พ.09
3. Bank Statement หรือสมุดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์ในนามบริษัท
ห้างร้าน (ถ้ามี)
4. สำเนาภาพถ่ายหรือหนังสือรับรองตราสำคัญของบริษัท
(บอจ.3) หรือห้างหุ้นส่วน (หส.2)
**กรณีหนังสือรับรองระบุเงื่อนใขต้องประทับตราสำคัญของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน
5. สำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนหรือ
Passport ของผู้มีอำนาจลงนามในการลงทะเบียน
สำหรับบุคคลธรรมดา ให้ใช้แบบคำขอฯ หมายบเลข
1-1 และสำหรับนิติบุคคลฯให้ใช้แบบคำขอฯ
หมายเลข 1 โดยสามารถ Load แบบคำขอฯ ได้ที่
Website ของกรมศุลกากรที่ http://www.customs.go.th/
*
หมายเหตุ สำหรับตัวแทนผู้รับผิดชอบการบรรจุ(Freight
Forworder) ที่ได้ลงทะเบียนไว้กับกรมฯ
รับ-ส่ง ข้อมูลจากกรมฯ และจัดพิมพ์เอกสาร
ใบกำกับ ขนย้ายสินค้า (Cargo Permit)
ได้เองสามารถที่จะดำเนินการใน ขั้นตอนการเดินพิธีการส่งออก
ข้อ 1-3 ได้ทันที
3. การส่งข้อมูล
3.1 ส่งข้อมูลจากระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ส่งออกเองหรือตัวแทน
3.2 ส่งข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร การส่งข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
โดยเจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถดำเนินการได้กรณีผู้ส่งออกจัดทำใบขนสินค้าขาออกในรูปแบบเอกสารยื่นต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร
3.3 ส่งข้อมูลโดย Counter Services ติดต่อ
Counter Services ที่ชั้น 2 (ชั้นลอย
ศูนย์อาหาร) อาคาร BC-1,P2 เพื่อส่งข้อมูลไปยังกรมฯ
เมื่อกรมฯ ตรวจสอบข้อมูลที่ส่งมาถูกต้องครบถ้วนแล้ว
กรมฯ จะออกเลขที่ใบขนสินค้าและดำเนินการส่งข้อมูลการบรรจุลงในใบกำกับการขนย้ายสินค้า
โดยที่ Counter Services เป็นผู้จัดพิมพ์เอกสารให้และนำเอกสารไปชำระค่าธรรมเนียม
200 บาท/ 1 Shipment ที่ฝ่ายบัญชีอากร
ณ อาคารสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(BC-1) ชั้น 2 จากนั้นให้ผู้ส่งออกสินค้าปฎิบัติตามขั้นตอนการเดินพิธีการได้ทันที
4. สำหรับใบกำกับการขนย้ายสินค้า (Cargo
Permit) แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
4.1 ใบกำกับการขนย้ายสินค้าที่ไม่ต้องเปิดตรวจ
(Green Line)
4.2 ใบกำกับการขนย้ายสินค้าที่ต้องเปิดตรวจ
(Red Line)
|
2.
เอกสารที่ใช้ดำเนินการ |
1. ใบขนสินค้าขาออก
ต้นฉบับ ลงลายมือชื่อผู้ส่งออก
2. บัญชีราคาสินค้า (Invoice)
3. Airway bill
4. packing list (ถ้ามี)
5. แบบรายละเอียดข้อมูลใบขนสินค้า 1 ฉบับ
|
3.
ขั้นตอนการผ่านพิธีการส่งออกสินค้า
|
1.
ผู้ส่งออกหรือตัวแทนใบกำกับการขนย้ายและ
Airway bill ที่ออกโดยสารการบินไทย ไปพบเจ้าหน้าที่ศุลกากรที่อาคาร
CE ชั้น 1 พร้อมสินค้าเพื่อตรวจสอบทั้งนี้
หากมีการนำเข้าสินค้าที่มีต้องการมีการอนุมัติ/อนุญาต
ตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องหรือเอกสารเพื่อประกอบการใช้สิทธิพิเศษทางภาษีกากร
ให้พิมพ์หรือเขียนเลขที่ใบขนสินค้าลงบนเอกสารดังกล่าว
แล้วยื่นต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร ก่อนส่งของออกหรือประกอบการตรวจสินค้าแล้วแต่กรณี
2. นำสินค้าที่ผ่านการตรวจพร้อมสำเนาใบกำกับการขนย้ายสินค้าตามข้อ
1 ไปแสดงให้กับเจ้าหน้าที่ ณ สถานีตรวจสอบ
(Checking Port) เพื่อตรวจสอบ
3. นำสินค้าพร้อมทั้งสำเนาใบกำกับการขนย้ายสินค้า
, Airway bill ไปแสดงต่อเจ้าหน้าที่คลังสินค้า
(Terminal Operator : TMO) ซึ่งขี้นอยู่กับสายการบินที่ผู้ส่งสินค้าใช้บริการ
(ควรตรวจสอบสายการบินที่ใช้ก่อนว่าอยู่
ณ สถานีพักสินค้า (TMO) TG หรือ BFS เพื่อรอบรรจุขื้นเครื่องต่อไป)
|
4.
ขั้นตอนการผ่านพิธีการส่งออกด้วยระบบ
e-Export ณ สำนักงานศุลกากรตรวจสินค้า ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ |
1. ให้ผู้ส่งของออกหรือตัวแทนผู้รับผิดชอบการบรรจุแสดงใบกำกับการขนย้ายสินค้า
และ Airway bill ให้แก่เจ้าหน้าที่ศุลกากรที่
ณ อาคาร CE ฝ่ายบริการศุลกากร ส่วนบริการศุลกากร
2
2. เจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบเลขที่ใบกำกับการขนย้ายสินค้า
แล้วพบว่ามีข้อมูลอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ศุลกากรแล้ว
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะปฎิบัติดังต่อไปนี้
2.1 กรณี Green Line เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประทับตรา
Status 0309 พร้อมลงลายมือชื่อ และวันเดือนปีกำกับในใบกำกับการขนย้ายสินค้า
2.2 กรณีเปิดตรวจ เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะดำเนินการตรวจสินค้าตามระเบียบและกฎหมายศุลกากร
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสินค้าถูกต้องแล้ว
เจ้าหน้าที่จะประทับตราStatus 0309
และลงลายมือชื่อในใบกำกับการขนย้ายสินค้า
2.3 กรณี X-Ray เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะดำเนินการ
X-Ray เมื่อเห็นว่าถูกต้องเรียบร้อยแล้วจะประทับตรา
X-Ray พร้อมลงลายมือชื่อในใบกำกับการขนย้ายสินค้า
เมื่อดำเนินการดังกล่าวข้างต้นแล้ว เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะคืนใบกำกับการขนย้ายสินค้าให้สำหรับเจ้าหน้าที่ประจำสถานีตรวจสอบ
(Checking Post) เพื่อดำเนินการต่อไป |
5.
ขั้นตอนการผ่านพิธีการส่งออกด้วยระบบ e-Export
และ ผู้ที่เกี่ยวข้องแยกตามหน่วยงาน |
ขั้นตอน |
ผู้ส่งของออก |
ตัวแทนออกของ |
ผู้รับผิดชอบการบรรจุ |
ศุลกากร |
คลังสินค้า (TG,BFS)
(ตัวแทนสายการบิน) |
1.ผู้ส่งออกสินค้าต้องติดต่อจองระวางสินค้ากับสายการบินให้เรียบร้อย
ขึ้นอยู่กับผู้ส่งออกสินค้าว่าจะใช้บริการสายการบินใด |
I |
|
|
|
I |
2. ลงทะเบียนการใช้ระบบ
e-Customs ที่กรมศุลกากร (คลองเตย)
หรือที่ฝ่ายบริหารงานทั่วไป ชั้น
2 อาคารสำนักงานศุลกากรตรวจสินค้าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
(BC-1) |
I |
|
|
I |
|
3. การส่งข้อมูล
3.1 ส่งข้อมูลจากระบบคอมพิวเตอร์ของผู้ส่งออกเองหรือมอบหมายให้ตัวแทนออกของ
(Custom Broker) เป็นผู้ส่งข้อมูลแทน
3.2 ส่งข้อมูลโดยเจ้าหน้าที่ศุลกากร
เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร.
ผู้ส่งของออกต้องจัดทำใบขนสินค้าขาออกในรูปแบบเอกสารยื่นต่อเจ้าหน้าที่ศุลกากร
3.3 ส่งข้อมูลโดย
Counter Services
|
I
I
I |
I |
|
I |
|
4.การบรรจุสินค้าขึ้นรถบรรทุกและส่งข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้าพร้อมนำสินค้าและใบกำกับการขนย้ายสินค้ามายื่นที่อาคารตรวจปล่อยสินค้าขาออก
(CE) ที่ ฝ่ายบริการศุลกากร ส่วนบริการศุลกากร
2 |
|
|
I |
|
|
5. เมื่อเจ้าหน้าที่ศุลกากรตรวจสอบเลขที่ใบกำกับการขนย้ายสินค้าที่ได้รับแจ้งว่ามีข้อมูลอยู่ในระบบคอมพิวเตอร์ของกรมศุลกากรแล้ว
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะปฏิบัติดังนี้
5.1. กรณี
Green Line เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะประทับตราว่า
Status 0309 พร้อมลงลายมือชื่อและวันเดือนปีกำกับในใบกำกับการขนย้ายสินค้า
5.2 กรณีเปิดตรวจ
เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะดำเนินการตรวจสินค้าตามระเบียบและกฎหมายศุลกากร
เมื่อเจ้าหน้าที่ได้ตรวจสินค้าถูกต้องเรียบร้อยแล้วเจ้าหน้าที่จะประทับตราว่า
Status 0309 และ ลงลายมือชื่อกำกับในใบกำกับการขนย้ายสินค้า
5.3. กรณี
X-Ray เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะดำเนินการ
X-Ray เมื่อเห็นว่าถูกต้องเรียบร้อยแล้วจะประทับตราว่า
X-Ray และลงลายมือชื่อกำกับในใบกำกับการขนย้ายสินค้า
เมื่อดำเนินการดังกล่าวข้างต้นแล้วเจ้าหน้าที่ศุลกากรจะคืนใบกำกับการขนย้ายสินค้าให้
เพื่อนำไปยื่นต่อเจ้าหน้าที่ประจำสถานีตรวจสอบ
(Checking Post) เพื่อดำเนินการต่อไป
โดยต้องนำสำเนาใบกำกับการขนย้ายสินค้าให้เจ้าหน้าที่ประจำสถานีตรวจสอบจำนวน
1 ชุด
|
|
|
|
I |
|
6.นำสินค้าพร้อมทั้งสำเนาใบกำกับการขนย้ายสินค้า,
Air waybill ไปแสดงต่อ เจ้าหน้าที่คลังสินค้า
(Terminal Operator: TMO) ซึ่งขึ้นอยู่กับสายการบินที่ผู้ส่งสินค้าใช้บริการ
(ควรตรวจสอบสายการบินที่ใช้ก่อนว่าอยู่
ณ สถานีพักสินค้า TMO (TG หรือ
BFS) เพื่อรอบรรทุกขึ้นเครื่องต่อไป |
I |
I |
|
|
I |
7. คลังสินค้า
(Terminal Operator: TMO) ส่งข้อมูล e-Manifest
เข้าสู่ระบบกรมศุลกากร และจะกระทำการประมวลผลรับบรรทุกโดยอัตโนมัติ
ผู้ประกอบการสามารถนำข้อมูลไปใช้สิทธิประโยชน์ได้ทันที |
|
|
|
I |
I |
|
6.
ค่าธรรมเนียม |
การบันทึกข้อมูลเข้าระบบคอมพิวเตอร์ต้องชำระค่าธรรมเนียม
จำนวน 70
บาท และค่าธรรมเนียมในการปฎิบัติพิธีการศุลกากร
ฉบับละ 200 รวม 270 บาท |
7.
การแก้ไขข้อมูล |
กรณีต่อไปนี้ให้ยื่นคำร้องขอแก้ไขข้อมูลที่ส่วนบริการศุลกากร
2 อาคารตรวจสินค้าขาออก (CE)
1. กรณีที่มีการเปลี่ยนแปลงชื่ออากาศยาน
หรือเที่ยวบิน ให้ตัวแทนอากาศยาน จัดทำคำร้องขอแก้ไขชื่อเรือ
เที่ยวเรือตามแบบแนบท้ายในประกาศกรมศุลกากรที่
116/2549 โดยไม่ต้องมีการพิจารณาความผิด
2. กรณีที่สินค้าส่งออกไปนอกราชอาณาจักรไม่ครบตามจำนวน
(Short Packing) ภายใน 10 วัน นับแต่วันตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้าผู้ส่งของออกสามารถส่งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากรเพื่อแก้ไขข้อมูลรายการของสินค้าที่ไม่ได้ส่งออก
และยืนยันปริมาณ หรือจำนวนหีบหอสินค้าที่ส่งออกให้ถูกต้องตรงตามความเป็นจริงได้โดยไม่ต้องมีการพิจารณาความผิด
ภายหลัง 10 วันให้ยื่นต่อหน่วยควบคุม
ส่วนบริการศุลกากร 2 โดยจะพิจารณาความผิดตามกฎหมายต่อไป
3. กรณีที่ต้องการขอตรวจรับสินค้ากลับคืน
หรือยกเลิกการส่งออก ให้ผู้ส่งของออกใบจัดทำคำร้องแบบแสดงขอตรวจรับสินค้ากลับคืน
/ ยกการส่งออกตามแบบแนบท้ายประกาศกรมศุลกากรที่
116/2549 เพื่อแก้ไขข้อมูลใบขนสินค้า
4. กรณีการขอแก้ไขข้อมูลใบขนสินค้าในเรื่องอื่น
ๆ ภายหลังการส่งออกใบยื่นคำร้องต่องานพิธีการส่งออก
สบศ.2 (อาคาร BC) |
8.
กรณีที่ต้องผ่านการอนุมัติ/อนุญาต หน่วยงานอื่น
|
1. กรณีใบขนสินค้าขาออกที่มีคำสั่งยกเว้นการตรวจ
การอนุมัติ/อนุญาตให้กับของที่ส่งออกตามบัญชีราคาสินค้าที่ส่งออกเป็นรายครั้งให้ผู้ส่งของนำเอกสานในรูปแบบเอกสาร
เช่น เอกสารแสดงการได้รับสิทธิพิเศษต่าง
ๆ ใบอนุญาต / ใบทะเบียน / หนังสืออนุญาต
ตามเงื่อนไขของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยื่นต่อหน่วยควบคุมทางศุลกากร
สสภ. ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันตัดบัญชีใบกำกับการขนย้ายสินค้า
2. กรณีใบขนสินค้าขาออกที่มีคำสั่งให้เปิดตรวจ
เพื่อตรวจสอบพิกัดราคา และของให้ผู้ส่งออก
นำเอกสาร เช่น เอกสารแสดงการได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ
ใบอนุญาต / ใบทะเบียน / หนังสืออนุญาต
ตามเงื่อนไขของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ยื่นต่อเจ้าหน้าที่สูลกากร
ขณะทำการตรวจของที่ส่งออกนั้น |
9.
การรับรองใบขนสินค้าขาออก |
ให้ผู้ส่งของออกหรือตัวแทนที่ยื่นขอรับรองใบขนสินค้าขาออกต่องานธุรการ
ส่วนบริการศุลกากร 2 ณ อาคารตรวจสินค้าขาออก
(CE) ชั้น 2 พร้อมชำระค่าธรรมเนียมการจำลองเอกสารตามอัตรที่กำหนดไว้ในใบแบบ
ศ.5 เจ้าหน้าที่ศุลกากรจะพิมพ์ใบขนสินค้าจากระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
ซึ่งมีข่อความว่า
ใบขนสินค้าได้พิมพ์จากระบบคอมพิวเตอร์ของศุลกากร
พร้อมลงนามรับรอง |
10.
ข้อพึงระวังในการส่งข้อมูลใบกำกับการขนย้ายสินค้า |
1.
ให้บันทึก MASTER AWB. เช่น 21712860008
โดยไม่ได้ขีดหรือเว้นวรรค
2. ให้บันทึกหมายเลข HOUSE AWB. โดยพิมพ์ตัวอักษรและตัวเลข
ให้ติดกัน โดยไม่ขีด หรือเว้นวรรคเช่น
CTI0012
3. กรณี Direct Shipment ให้ระบุเลข House
Airway Bill และ Master Airway Bill ให้เป็นเลขเดียวกัน
4. กรณีการผ่านพิธีการส่งข้อมูล e-Export
ด้วยระบบ Manual ให้ติดต่อทีมงานพิธีการ
สบศ.2 (อาคาร BC) ก่อนเที่ยวบินออกไม่น้อยกว่า
4 ชั่วโมง
5. สินค้าและใบกำกับการขนย้ายสินค้าควรมาถึง
สบศ.2 (อาคาร BC) ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
ก่อนเที่ยวบินออกไม่น้อยกว่า 2 ชั่วโมง
|
|